รุ่นไหนดี 6 อันดับ กล้องดิจิตอล มีที่ไหน อัพเดทล่าสุดปี 2567

ช้อปสบายๆ ในราคาสุดคุ้ม ชวนคุณมาช้อปออนไลน์กับสินค้าคุณภาพดี จากหลากหลายแบรนด์ดัง มีคูปอง จัดส่งฟรี ส่งด่วน การชำระเงินที่ปลอดภัย อัพเดท รายละเอียดแบรนด์ โปรโมชั่น ส่วนลด คูปองส่วนลด สำหรับการสั่งครั้งแรก โปรฯแบรนด์ดังทุกหมวดหมู่ลดเยอะมาก
คุณภาพเจ๋ง ราคาที่ไม่แพง เราแนะนำเลยเจ้านี้ กล้องดิจิตอล  สินค้าทางอินเตอร์เน็ต  ราคาพิเศษส่งให้คุณลูกค้าถึงหน้าบ้าน สั่ง กล้องดิจิตอล  ไป ราคาถุกจริงๆ สินค้าใส่ซองกันกระแทกมาตอนจัดส่งให้ด้วย ส่งเร็วทันใจ คุณภาพเยี่ยมพอดีเห็น ลดราคาลงมาอีก เลยจัดไป ได้รับสินค้าเรียบร้อย จัดส่งรวดเร็ว ของพรีเมี่ยม ได้รับสินค้าแล้วดีใจมาก ตรงตามต้องการในรุป ไม่มีปัญหา

     
คุณรู้หรือไม่ ? นอกจากกล้องดิจิตอล มีเรื่องที่ต้องพิจารณาก่อนตัดสินใจซื้ออีกมากมายไม่ว่าจะเป็นดีไซน์ สี ขนาด ราคา วัสดุที่ใช้และน้ำหนักซึ่งปั จจัยเหล่านี้ขึ้นอยู่กับความชอบและลักษณะ ซึ่งมีทั้ง กล้องดิจิตอล และการใช้ของแต่ละบุคคล ดังนั้นหากคุณเป็นคนหนึ่งที่กำลังมองหา กล้องดิจิตอล วันนี้ทางเราได้จัด แนะนำ กล้องดิจิตอลยี่ห้อดีต่อใจมาให้คุณแล้ว!

ประโยชน์ที่คุณจะต้องชอบของกล้องดิจิตอล
กล้องดิจิตอล
  1. สามารถที่จะใช้งานได้หลากหลาย
    เพราะว่านอกจากจะมีคุณภาพที่สูง ภาพออกมาสวย คมชัด มีสไตล์แล้ว ก็ยังมีความสามารถในการถ่ายภาพในรูปแบบต่าง โหมดที่มีความแตกต่างกันได้ดังต่อไปนี้เลย ไม่ว่าจะเป็นโหมดถ่ายภาพเคลื่อนไหวหรือภาพทางการกีฬาต่าง ๆ โหมดถ่ายภาพบุคคล (Portrait) โหมดถ่ายภาพใกล้ โหมดถ่ายภาพวิว ทิวทัศน์ต่าง ๆ ทั้งในร่มและกลางแจ้ง โหมดถ่ายภาพตอนกลางคืน แม้จะแสงไม่เยอะ ราคากล้อง กล้องดิจิตอลก็สามารถปรับและตั้งค่าการถ่ายได้ ทำให้รูปออกมาสวย ไม่มืดหรือเบลอ และยังมีโหมดอื่น ๆ อีกอย่างเช่น โหมดถ่ายภาพพลุ ดอกไม้ไฟ (Firework) โหมดถ่ายภาพตนเอง, ถ่ายงานปาร์ตี้ต่าง ๆ โหมดสีสดที่มีความอิ่มตัวของสีสูง ทั้งสีธรรมชาติ ขาว-ดำ ซีเปีย ก็สามารถทำได้ทั้งหมดเลย โดยที่แต่ละโหมดนั้นก็จะมีสัญลักษณ์ เพื่อให้ดูและทำความเข้าใจได้ง่าย ๆ เช่นนั้นคนที่เลือกซื้อกล้องแบบดิจิตอลมานั้น จึงหมดกังวลกับทุกสถานการณ์ที่คุณจะต้องถ่ายภาพไปได้เลย เพราะมีตัวช่วยที่ดีและใช้งานได้ง่าย
  1. มีระบบโฟกัสที่ดี
    โดยทุกรุ่นเป็นระบบออโต้โฟกัส สามารถทำงานได้สะดวกรวดเร็ว โฟกัสง่าย ไม่หลุดโฟกัส บางรุ่นยังมีในส่วนของระบบล็อคโฟกัส ไม่ว่าคนหรือสิ่งของนั้น ๆ จะอยู่ในตำแหน่งใด กล้องก็มีความสามารถที่จะปรับโฟกัสได้ตรงจุด มีความแม่นยำสูง ทำให้ได้ภาพที่มีความชัดเจนและมีความคมชัดในแบบที่คุณต้องการ
  1. สามารถปรับเลือกขนาดภาพได้ตามความสะดวก
    นอกจากจะได้รูปภาพที่มีขนาดตรงตามความต้องการ โอน ถ่าย ย้ายภาพได้ไว ขนาดไม่ใหญ่มากจนเกินไป แล้วยังช่วยในการประหยัดพื้นที่ความจำของเมมโมรี่การ์ดภายในกล้องด้วย ดังนั้นคุณจะสามารถเก็บภาพถ่ายได้จำนวนมาก หมดปัญหาหน่วยความจำไม่เพียงพอไปได้เลย
  1. มีในส่วนของระบบแฟลชที่ดี
    ทั้งแฟลชที่สามารถทำงานแบบอัตโนมัติเมื่อบริเวณที่เราต้องการจะถ่ายภาพนั้นมีแสงไม่เพียงพอ รวมทั้งยังมีในส่วนของ fill-flash เพื่อช่วยถ่ายภาพย้อนแสงได้ดี มีความสว่าง สวยคมชัดอีกด้วย เคยสังเกตกันหรือไม่ว่าในบางภาพถ่ายนั้นองค์ประกอบต่าง ๆ มีความสวยงามทั้งหมด แต่เกิดปัญหาที่บุคคลในภาพนั้นเกิดปัญหาตาคนในภาพแดง เมื่อแสงแฟลชกระทบ ซึ่งสำหรับกล้องแบบดิจิตอลนั้นจะมีในส่วนที่เรียกว่า Red eye reduction เพื่อช่วยลดอาการตาแดงในภาพคนได้อย่างเป็นธรรมชาติ ทำให้ภาพที่ออกมานั้นมีความสมบูรณ์แบบมากขึ้นได้
  1. สามารถซูมภาพเข้า ออกได้ หลายระดับ
    จึงทำให้มีความสะดวกต่อการใช้งานสำหรับการถ่ายภาพระยะใกล้หรือไกลได้อย่างเหมาะสม
ไม่ว่าจะเป็นการเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ เพราะ ราคากล้อง ดิจิตอลส่วนใหญ่นั้นจะมี USB (Universal serial bus) เพื่อที่ใช้สำหรับการเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ เพื่อให้คุณถ่ายโอนข้อมูล หรือทำงานต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็ว ประหยัดเวลาไปได้อย่างมาก

นอกจากนี้แล้วยังสามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์สมาร์ทโฟนต่าง ๆ ผ่านทาง wi-fi จากกล้องได้อีกด้วย ซึ่งเราสามารถส่งภาพถ่ายต่าง ๆ จากกล้องผ่านแอปพลิเคชันของกล้องถ่ายรูป โดยบางรุ่นนั้น เราก็สามารถที่จะสั่งการถ่ายภาพได้จากโทรศัพท์มือถือหรืออุปกรณ์อื่น ๆ ที่เราใช้เชื่อมต่อได้อีกด้วย จะเลื่อนดูรูปต่าง ๆ ผ่านแอปพลิเคชันก็สามารถทำได้อย่างง่ายดาย ไม่ต้องไปนั่งกดหรือดูจากกล้องถ่ายรูปให้เสียเวลา

ดังนั้นเราจะเห็นได้ว่า กล้องดิจิตอล ( digital camera ) นั้น มีการใช้เทคโนโลยีต่าง ๆ เข้ามาช่วยในการถ่ายภาพมากมาย ทำให้การถ่ายภาพเป็นเรื่องที่สะดวกมากขึ้น แค่มีกล้องแบบดิจิตอลหนึ่งตัวนั้น ก็สามารถที่จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ ได้ทั้งหมด เรียกได้ว่าตอบโจทย์การใช้งานของคนรุ่นใหม่ได้อย่างแท้จริง

หลายคนที่มี กล้องดิจิตอล พกติดตัวไว้บางคนมีแบบ DSLR บางคนมีแบบ Compact ซึ่งการเลือกซื้อมานั้นบางครั้งอาจจะตัดสินใจจากโฆษณาชวนเชื่อ ซื้อตามคำแนะนำของคนรู้จัก หรือซื้อเพื่อความเท่ห์ แต่เมื่อนำมาใช้งานจริงกลับใช้ได้ไม่เต็มที่หรือใช้งานได้ไม่ถูกใจมากนัก ทำให้เกิดความสิ้นเปลืองและเสียเวลา ดังนั้นการเลือกซื้อกล้อง ราคากล้อง กล้องถ่ายรูป ที่เหมาะสมกับตัวเองจึงเป็นสิ่งที่ดีกว่าดังนี้

กล้องดิจิตอล ถูกแบ่งออกเป็น 3 ประเภทคือ

กล้องประเภท DSLR เป็นกล้องที่ได้รับความนิยมมากในหมู่ช่างภาพ เนื่องจากมีความสามารถในการทำงานได้มากกว่า1อย่าง โดยปัจจุบันสามารถใช้กล้องประเภทนี้ถ่ายทำวีดีโอแทนกล้องวีดีโอแบบเก่าแล้ว กล้อง DSLR เป็น กล้องดิจิตอล ที่มีความสามารถในการถ่ายภาพให้ออกมามีหลายมิติ มีความกว้าง ความลึก ที่สามารถกำหนดได้ด้วยตัวเอง มีความละเอียดของภาพที่ถือว่าดีที่สุดเมื่อเปรียบเทียบกับกล้องชนิดอื่น สามารถเปลี่ยนเลนส์ได้ตามความพอใจ แต่กล้องประเภทนี้จะมีข้อเสียอยู่ที่อุปกรณ์เสริมค่อนข้างราคาแพง ขนาดของกล้องใหญ่ และเมื่อชำรุดค่าซ่อมจะค่อนข้างแพง ยี่ห้อที่ได้รับความนิยมจะเป็น Cannon และ Nikon

กล้อง Compact เป็น กล้องดิจิตอล ขนาดเล็กที่สามารถพกพาได้สะดวก กล้องประเภทนี้มีข้อดีอยู่ที่ความกะทัดรัดสามารถพกพาได้ง่าย ราคาไม่แพง มีโหมดการถ่ายแบบอัตโนมัติ ผู้ที่ถ่ายรูปไม่เป็นก็สามารถถ่ายได้ บางรุ่นสามารถเลือกปรับโฟกัสเองได้ แต่มีจุดด้อยในเรื่องมิติของภาพและความคมชัด จะน้อยกว่ากล้องประเภท DSLR กล้อง Compact เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่ต้องการความวุ่นวายในการถ่ายภาพ มียี่ห้อที่นิยม ได้แก่ Sonny Fuji Cannon เป็นต้น

กล้อง Mirror less เป็น กล้องดิจิตอล ที่คอนข้างตอบโจทย์ทำหรับผู้ที่อยากมีกล้อง DSLR แต่ไม่ต้องการกล้องที่มีขนาดใหญ่ กล้องประเภทนี้จะรวมข้อดีของกล้อง Compact และ DSLR ไว้ในตัวเดียวกัน โดยสามารถเปลี่ยนเลนส์ได้ตามใจชอบ มีมิติในการถ่ายภาพ ขนาดเล็กพกพาได้สะดวก แต่จะมีข้อเสียอยู่บ้าง เนื่องจากเป็นการนำกล้อง 2 ประเภทมารวมกันในตัวเดียว ทำให้มีจุดด้อยในคุณภาพความชัดที่น้อยกว่ากล้อง DSLR เล็กน้อย ซึ่งยี่ห้อที่ได้รับความนิยม คือ กล้อง Sony กล้อง Samsung และ Cannonเป็นต้น

ทั้งหมดนี้คือความแตกต่างที่เห็นได้อย่างชัดเจนของ กล้องดิจิตอล ที่ก่อนซื้อสามารถเลือกและดูความเหมาะสมว่าแบบไหนที่เหมาะกับตัวเองมากที่สุด หากชอบถ่ายภาพและชอบให้ภาพมีมิติมากก็สามารถเลือกแบบ DSLR ได้ หากชอบถ่ายภาพแต่ไม่ชอบความยุ่งยากก็อาจจะเลือกแบบ Compact หรือหากอยากได้ทั้งความชัดและความกะทัดรัดก็เลือก Mirror Less แต่ควรเป็นกล้องที่สามารถตอบโจทย์การใช้งานของตัวเองได้ดีที่สุด เพื่อให้เกิดความคุ้มค่ามากกว่าการถือเพื่อความเท่ห์

ในช่วงที่กล้องมีหลายประเภทมากขึ้น แล้วได้รับความนิยมอย่างไม่ขาดสาย หลายคนก็สงสัยว่ากล้อง ดิจิตอล มีหลายแบบมากมาย เราจะเลือกอย่างไรดี เลือกประเภทไหน แบบไหนเหมาะกับเรามาดูกัน

Compact – เหมาะสำหรับคนต้องการง่ายๆ ตัวเดียวจบ เพราะ กล้องคอมแพค จะเน้น ขนาดเล็ก พกง่าย ไม่ต้องเปลี่ยนเลนส์ แต่เลนส์ระยะครอบคุมการใช้ทั่วไป เซนเซอร์ขนาดไม่ใหญ่มาก และราคาไม่แพง แล้วก็ยังมีกล้อง Compact Premium ซึ่งเน้นคุณภาพ และ หลายๆ รุ่นกันน้ำได้ด้วย

DSLR like – เป็นกล้อง Compact ประเภทหนึ่ง แต่ดีไซน์และขนาดคล้าย DSLR และมีระยะซูมที่มากกว่าCompact ธรรมดา  ส่วนคุณภาพนั้นไม่ได้ต่างจาก Compact เหมาะสำหรับคนที่ชอบใช้งานง่ายๆ แต่ต้องการถ่ายภาพช่วงระยะยาวๆ

DSLR – กล้องดิจิตอลที่พิเศษตรงที่มีกระจกสะท้อน และเปลี่ยนเลนส์ได้ คุณภาพดีกว่า โฟกัสเร็ว เซนเซอร์ใหญ่ คุณภาพไฟล์ดี แบตทนทาน แต่จะมีขนาดใหญ่ น้ำหนักเยอะ และมีระบบ manual ซึ่งอาจจะต้องศึกษาก่อนใช้ จึงเหมาะกับผู้ใช้งานจริงจัง ต้องการต่อยอดเป็นมืออาชีพ และใช้อุปกรณ์เสริมเยอะๆ

Mirrorless – เหมาะสำหรับคนที่อยากถ่ายภาพง่ายๆ แต่มีคุณภาพ เพราะกล้อง Mirrorless นี้คุณภาพของภาพเทียบเท่า DSLR เลยแต่หลักการในการทำงานของกล้องต่างกัน คือจะเป็นกล้องที่ไม่มีกระจกสะท้อน แต่เปลี่ยนเลนส์ได้ ใช้งานง่าย น้ำหนักเบา มีขนาดเล็ก กระทัดรัด บางตัวนี่ความสามารถสูงกว่า DSLRที่ราคาเท่าๆ กันเลยก็มี แถมใช้เทคโนโลยีใหม่กว่า บางตัวสามารถลงแอพได้ เชื่อมต่อไวไฟ กับมือถือได้ด้วย จึงเป็นที่นิยมมากในปัจจุบัน

กล้อง Full Frame เป็นกล้องที่ใช้เซ็นเซอร์ที่มีขนาดเท่ากับฟีล์ม 35 mm. ซึ่งกล้องประเภทนี้นั้นจะเป็นกล้องระดับโปร ราคาก็แพง เนื่องจากเซ็นเซอร์รับภาพที่มีขนาดใหญ่ ซึ่งสามารถเทียบได้กับฟีล์มถ่ายภาพในสมัยก่อนที่จะใช้ฟีล์ม 35 มม.

ข้อดีของกล้อง Full Frame คือคุณภาพของภาพที่ถ่ายได้จะดีมากๆ เพราะว่ามีเซ็นเซอร์รับภาพขนาดใหญ่ มีพื้นที่รับแสงใหญ่ จึงรับแสงได้ดีกว่า เก็บรายละเอียดส่วนมืดและส่วนสว่างได้ดีกว่า ทำให้ภาพคมชัด และมี Noise หรือจุดรบกวนที่น้อยกว่า นอกจากนี้แล้ว องศาการรับภาพที่ถ่ายออกมาก็จะเท่ากับเลนส์ที่ใช้จริงๆ แถมช่วงความชัดลึก ก็เทียบเท่ากับกล้องฟีล์มในอดีต ทำให้สามารถเบลอฉากหลังได้ดีกว่า ถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอได้ดีและง่ายกว่า กล้องประเภทอื่นด้วย

แต่ทั้งนี้อย่างที่บอกไปคือกล้องประเภท Full Frame นี้จะมีราคาค่อนข้างสูง ถ้าหากเราไม่ได้ใช้ถ่ายภาพเชิงธุรกิจ หรืออาศัยคุณภาพของภาพที่สูงมากนัก ก็ไม่จำเป็นต้องเลือกซื้อกล้องที่เป็น Full Frame ก็ได้

ไม่ว่ากล้องประเภทไหน จะบอกสเปคของ ISO ไว้ว่ากล้องรุ่นนั้นๆ มี ISO สูงสุดที่เท่าไร เช่น ISO 3200, ISO6400 ซึ่งค่า ISO นี้ไม่ใช้เลขมาตรฐานอย่างที่เข้าใจกัน แต่ ISO คือ ค่าความไวแสง  ที่ทำหน้าที่ควบคุมระดับความไวต่อแสงที่มากระทบของเซนเซอร์ภาพ

ข้อดีของที่กล้องที่สามารถตั้งค่า ISO สูงๆ ได้

-ทำให้เซนเซอร์กล้องของไวต่อแสงมากขึ้น

- ถ่ายภาพในที่มืดได้สวยขึ้น

- Noise หรือจุดรบกวนบนภาพน้อยลง

ความละเอียดของกล้อง ก็คือจำนวน pixel ทั้งหมดบนตัวรับภาพ ซึ่งจำนวนพิกเซลของตัวรับภาพมีผลอย่างยิ่งต่อคุณภาพของภาพที่ได้ในด้านรายละเอียดและความคมชัด เนื่องจากกล้องที่มีจำนวนพิกเซลบนตัวรับแสงมากกว่าย่อมจะสามารถบันทึกรายละเอียดของภาพได้มากกว่า

ความละเอียดของภาพโดยมากจะระบุจำนวนพิกเซลแนวนอน x แนวตั้ง เช่น 1366 x 768 พิกเซล  และที่สำคัญที่เรามักเจออีกคำหนึ่งก็คือ megapixel คือหน่วยล้านของ pixel โดยค่าความละเอียดที่เหมาะสมและเพียงพอ ต้องดูว่าเราจะนำไปใช้งานอะไร ซึ่งเราก็มีข้อมูลความละเอียดของกล้องดิจิตอลที่เหมาะสมกับภาพถ่าย มาฝากกัน

- ความละเอียด 3 เมกะพิกเซล หรือ 2048 x 1536 pixel เหมาะกับภาพขนาด 4″ x 6″

- ความละเอียด 4 เมกะพิกเซล หรือ 2272 x 1704 pixel เหมาะกับภาพขนาด 6″ x 8″

- ความละเอียด 5 เมกะพิกเซล หรือ 2560 x 1920 pixel เหมาะกับภาพขนาด 8″ x 10″

- ความละเอียด 6 เมกะพิกเซล หรือ 2816 x 2112 pixel เหมาะกับภาพขนาด 10″ x 12″

- ความละเอียด 7 เมกะพิกเซล หรือ 3072 x 2304 pixel เหมาะกับภาพขนาด 12″ x 15″

- ความละเอียด 8 เมกะพิกเซล หรือ 3264 x 2448 pixel เหมาะกับภาพขนาด 16″ x 20″

จะเห็นว่ายิ่งกล้องมีความละเอียดมากเท่าไร ยิ่งอัดขยายภาพได้ใหญ่ขึ้นเท่านั้น ความละเอียดของภาพจะทำให้ภาพคมชัด และได้ภาพที่สวยงามมากยิ่งขึ้น แต่ว่าก็ขึ้นอยู่กับปัจจัยอื่นๆ ด้วย เช่นเลนส์ ความไวของแสง และมุมมองการถ่ายภาพ

อาการกล้องสั่นไหวจะเกิดขึ้นเวลาที่ถ่ายภาพแบบถือด้วยมือ โดยใช้ความเร็วชัตเตอร์ที่ช้ากว่า “1/ทางยาวโฟกัส” วินาที ความเร็วชัตเตอร์อาจช้าลง เมื่อคุณถ่ายภาพในสถานที่ที่มืดหรือในที่แสงน้อย และทำให้เลี่ยงจากอาการกล้องสั่นไปได้ยากถ้าคุณถ่ายภาพโดยถือกล้องด้วยมือ ดังนั้นค่ายผู้ผลิตกล้องทั้งหลาย จึงมีการพัฒนาเทคโนโลยีกันสั้นขึ้นมาเพื่อช่วยแก้ปัญหาภาพสั่นไหว


ซึ่งระบบกันสั่นนี้ จะมี 2 แบบ คือ 1. ระบบ IS ในเลนส์  และ 2. ระบบ IS ในกล้อง ซึ่งความต่างของสองระบบนี้ มีดังนี้

1. ระบบกันสั่นในกล้อง จะเป็นเทคโนโลยีที่ชดเชยการสั่นไหวโดยการขยับเซนเซอร์ภาพภายในบอดี้กล้อง  ข้อดีของระบบกันสั่นแบบนี้คือ กันสั่นในระยะใกล้ๆ ได้ดีกว่า ชดเชย f ได้หลาย stop กว่า และไม่ว่าจะเอาเลนส์อะไรมาใส่กับกล้อง ระบบกันสั่นก็ทำงาน เพราะมันอยู่ในตัวกล้อง


2. ระบบกันสั่นในเลนส์ จะใช้หลักการวัดจากเมื่อเลนส์เอียงเพราะการสั่นไหวของกล้อง หรือของแสง ระบบก็จะทำให้ภาพถ่ายนิ่งโดยการขยับชิ้นส่วนในระบบออพติคอลภายในเลนส์ตามปริมาณการสั่นไหว แก้ไขภาพภายในเลนส์เลย ซึ่งกันสั่นในเลนส์นี้จะทำได้ดีกว่ากันสั่นในกล้องเมื่อถ่ายภาพในระยะ เกิน 100mm ขึ้นไป

M 4/3 กับ APS-C เป็นเรื่องของขนาดเซนเซอร์ในกล้อง ไม่ว่าจะเป็นกล้อง mirrorless หรือกล้อง DSLR โดยเซนเซอร์ APS-C นั้น จะมีขนาด 23.6x5.8mm ส่วนเซนเซอร์ M4/3 จะมีขนาด 17.3x13mm ซึ่งขนาดเซนเซอร์ที่ใหญ่ไม่เท่ากัน จะมีข้อแตกต่างกันแบบชัดเจน อยู่ 2 เรื่องคือ


1. เซนเซอร์ยิ่งใหญ่ เท่าไร อัตราการละลายฉากหลัง ยิ่งมีมากขึ้นเท่านั้น

2.  เซนเซอร์ยิ่งใหญ่ เท่าไร การจัดการระบบ noise ( สัญญานรบกวน ) ยิ่งดีมากขึ้นเท่านั้น


ซึ่งถ้าเทียบกันระหว่าง M4/3 กับ APS-C แล้ว เซนเซอร์ APS-C จะมีขนาดใหญ่กว่า จึงเท่ากับว่าการถ่ายด้วยกล้องที่ใช้เซนเซอร์ APS-C จะได้ภาพที่ดีกว่า

แต่ในความเป็นจริงๆ... ขนาดเซนเซอร์ของ APSC กับ M4/3 มันต่างกันเล็กน้อยมาก เล็กกว่านิดหน่อย ส่วนของการละลายหลังนั้นถ้าไม่เทียบกันก็มองแทบไม่ออก ส่วนคุณภาพของภาพนั้น ถ้าใช้เทคโนโลยีเดียวกัน กล้องค่ายเดียวกันก็ต่างกันไม่มาก

ส่วนให้เรื่องของ Noise นั้นก็เรียกได้ว่าพอๆ กันเลย นอกจากจะเป็นกล้อง Sony กับ Fuji อาจจะเห็นความต่างพอควร

คำค้นหายอดนิยมในหมวดหมู่นี้: ​กล้อง , กล้องวงจรปิด , กล้องติดรถยนต์ , กล้องส่องทางไกล , Drone , กล้องฟิล์ม , กล้องถ่ายวีดีโอ , กล้อง DSLR , กล้อง Canon , Canon EOS , กล้อง ฟูจิ , กล้อง Nikon , กล้อง Olympus , กล้องถ่ายรูป Sony , เลนส์ Canon , ขาตั้งกล้อง